×
ค้นหา
EveryThaiStudent.com
ค้นหาเรื่องพระเจ้าและคำถามในชีวิต
ความสัมพันธ์

เกย์ เลสเบี้ยนและความรักของพระเจ้า

เกย์ - ถ้าคุณเป็น LGBTQ มาดูว่าพระเจ้าและความรักของพระองค์ต้อนรับคุณอย่างไร…

WhatsApp Share Facebook Share Twitter Share Share by Email More PDF

โดยมาริลิน แอดัมสัน

หลายครั้งชีวิตคนเราเรียกร้องให้เรามีคุณสมบัติบางอย่าง คุณต้องผ่านการทดสอบก่อนที่คุณจะได้ใบขับขี่ การจะได้งานสักแห่ง คุณต้องสามารถแสดงให้เห็นว่า คุณมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆจริง

ถ้า “A” แล้วไปที่ “B” เป็นการแสดงว่าคุณมีคุณค่า พิสูจน์ว่าคุณมีคุณสมบัติที่เหมาะสม พิสูจน์ว่าคุณ “ได้รับการยอมรับ”

แล้วคุณต้องไปถึงจุดไหนที่จะรู้ว่าพระเจ้าทรงยอมรับคุณทั้งหมด?

ในเรื่องความสัมพันธ์กับพระเจ้า มันไม่ได้เริ่มต้นหมือนกับสิ่งอื่นๆ มันไม่ใช่การเติมคำในช่องว่างว่า “ยอมรับฉันเพราะ...”

แต่มันเริ่มต้นโดยการที่พระเจ้าตรัสว่า “เรายอมรับเจ้า” “เรายินดีต้อนรับเจ้า”

ไม่ว่าคุณจะเป็นเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล แปลงเพศหรือยังไม่แน่ใจนัก พระเจ้าไม่ได้ทรงเป็นศัตรูของคุณ ถ้าหากคุณยังไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพระเจ้า พระองค์ทรงอยากมีความสัมพันธ์กับคุณ พระองค์ทรงอยากมีความสัมพันธ์ทุกคนไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม

ในพระคัมภีร์ คุณจะเห็นว่ามีคนแค่กลุ่มเดียวที่โกรธเคืองพระเยซูอยู่เนืองๆ...พวกเคร่งศาสนา พวกที่คิดว่าตัวเองชอบธรรม

ดูเหมือนว่า พระเยซู จะอยู่กับใครก็ได้อย่างสบายๆ รวมทั้งโสเภณีและพวกอาชญากร อย่างไรก็ตาม พวกผู้นำทางศาสนาทำให้พระเยซูทรงรำคาญและเศร้าพระทัย พระองค์ทรงเห็นพวกเขาว่าชอบตัดสินคนอื่น เย่อหยิ่ง ไม่มีความรักและเป็นพวกมือถือสากปากถือศีล

เมื่อคุณเห็นคำเหล่านี้ คุณอาจนึกถึงพวกเคร่งศาสนาทั้งหลาย ที่เคยพูดให้คุณเจ็บปวด หยาบคายและตัดสินคุณ การกระทำเช่นนั้นแสดงถึงหัวใจของพระเยซูหรือไม่? ไม่ใช่เลย พระเยซูตรัสว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง การแสดงความคิดเห็นที่ทำให้คนอื่นเจ็บปวดจะสามารถเข้ากันได้อย่างไรกับคำกล่าวของพระองค์? ก็คงเข้ากันได้ไม่ดีเท่าไหร่แน่

คำพูดนี้แสดงให้เห็นถึงหัวใจของพระเยซู พระองค์ตรัสว่า “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา เราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อย เป็นสุข จงเอาแอกของเราแบกไว้แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก”1

เป็นเกย์ คุณเคยมีโอกาสคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับพระเยซูบ้างไหม?

พระองค์ไม่เหมือนใครที่เคยมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ พระเยซูทรงสามารถอธิบายถึงเรื่องชีวิตแก่คุณได้...เราจะมีประสบการณ์ไปกับการมีชีวิต ที่มีความครบบริบูรณ์มากขึ้นได้อย่างไร พระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างสิ่งต่างๆที่ปรากฏอยู่ในโลกนี้ แต่พระองค์ก็ทรงลงมาเป็นมนุษย์เพื่อที่เราจะสามารถรู้จักพระองค์ หรือรู้จักพระเจ้าได้

ยอห์น หนึ่งในบรรดาเพื่อนของพระองค์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับพระเยซูไว้อย่างนี้ว่า “และเราทั้งหลายได้รับจากความบริบูรณ์ของพระองค์ เป็นพระคุณซ้อนพระคุณ เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงประทานธรรมบัญญัตินั้นทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์”2

“พระคุณ” ไม่ใช่คำที่เราใช้กันบ่อยนัก มันหมายถึงพระเจ้าประทานพระเมตตาให้กับเรา โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า เราได้ทำอะไรที่สมควรรับพระเมตตานั้น พระเยซูประทานทั้งพระเมตตาและความจริงให้กับเรา พระองค์ทรงนำเราผ่านชีวิต ที่บ่อยครั้งมีความสับสนยากแก่การเข้าใจ

ฉันเคยสงสัยว่า การจะเป็นที่ยอมรับของพระเจ้านั้นฉันต้องทำอะไรบ้าง บางทีคุณอาจจะประหลาดใจเหมือนกับฉันก็ได้ มาดูกันเลย:

“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น ผู้ที่วางใจในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ ส่วนผู้ที่มิได้วางใจก็ถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้วางใจในพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า”3

คุณเข้าใจมันไหม? “คนที่วางใจในพระบุตรนั้น” ผู้ใดก็ตามที่วางใจในพระบุตรนั้นจะมีชีวิตนิรันดร์ ใครก็ตามที่เชื่อวางใจในพระองค์ ผู้นั้นได้รับการช่วยให้รอดโดยพระองค์ ใครก็ตามที่เชื่อวางใจในพระองค์จะไม่ต้องถูกกล่าวโทษ

นี่คือสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการจากเรา คือ การเชื่อวางใจในพระองค์

ยอห์นได้พูดถึงพระเยซูอย่างนี้ว่า “พระองค์ได้เสด็จมายังบ้านเมืองของพระองค์ และชาวบ้าน ชาวเมืองของพระองค์ไม่ได้ต้อนรับพระองค์ แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า”4

พระเยซูไม่ได้เป็นแค่ ผู้เผยพระวจนะ หรืออาจารย์หรือผู้นำทางศาสนาเท่านั้น พระเยซูได้ตรัสว่า การได้รู้จักพระองค์ก็ได้รู้จักพระเจ้า ที่จะเชื่อในพระองค์ก็เท่ากับเชื่อในพระเจ้า การกล่าวเช่นนี้ของพระองค์นำไปสู่การตรึงที่ไม้กางเขน พวกเขาตั้งข้อหาพระองค์ว่าหมิ่นประมาทพระเจ้า คนเหล่านั้นบอกว่าพระเยซู “เรียกพระเจ้าว่าพระบิดาของพระองค์ เป็นการทำตัวให้เท่าเทียมกับพระเจ้า”5

พระองค์ประทานข้อพิสูจน์ด้วย พระเยซูได้ทรงกระทำสิ่งซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดกระทำได้ เช่นการรักษาให้หายทันที ทั้งคนตาบอด คนที่เดินไม่ได้ หรือคนที่ต้องทนทุกข์กับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

และพระเยซูก็ทรงกระทำมากกว่านั้นอีก พระองค์ตรัสในหลายๆโอกาสด้วยกัน ว่าพระองค์จะถูกจับ ถูกโบยตี และถูกตรึง...และในวันที่สามหลังจากนั้น จะฟื้นขึ้นมาจากความตาย นี่เป็นการพิสูจน์ที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก ไม่มีการกลับมาเกิดในภายหลัง ไม่มีความลี้ลับอย่างเช่น “เจ้าจะเห็นเราในความฝัน” ไม่ใช่อย่างนั้นเลย พระองค์ตรัสชัดเจนว่าเมื่อถูกฝังแล้ว หลังจากนั้นสามวันพระองค์จะทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย

พวกโรมก็ทราบดีถึงสิ่งที่พระเยซูตรัสนี้เช่นกัน พวกเขาจึงให้ทหารยามหมู่หนึ่งมาเฝ้าที่อุโมงค์ฝังพระศพของพระเยซู

อย่างไรก็ตาม สามวันหลังจากที่พระองค์ทรงถูกทรมานและถูกประหารที่บนไม้กางเขนแล้วนั้น พระเยซูได้ทรงฟื้นขึ้นฝ่ายร่างกายจริงๆ พระศพของพระองค์หายไป และสิ่งที่เหลืออยู่คือผ้าพันพระศพ ที่ใช้พันหุ้มร่างพระองค์เมื่อเขานำไปฝังในอุโมงค์นั่นเอง พระเยซูทรงปรากฏพระองค์หลายต่อหลายครั้งในช่วงระหว่างสี่สิบวันเมื่อทรงฟื้นขึ้นมาแล้ว เหตุการณ์นี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเชื่อคริสเตียน พระองค์ทรงพิสูจน์ว่าทรงเป็นทุกสิ่งที่พระองค์ได้กล่าวอ้างว่าพระองค์ทรงเป็น...พระเจ้าผู้ทรงมาเป็นมนุษย์ เท่าเทียมกันกับพระเจ้าพระบิดา

พระเยซูทรงชัดเจนในเรื่องนี้ “เพราะว่าพระบิดามิได้ทรงพิพากษาผู้ใด แต่พระองค์ได้ทรงมอบการพิพากษาทั้งสิ้นไว้กับพระบุตร เพื่อคนทั้งปวงทั้งปวงจะได้ถวายเกียรติแด่พระบุตรเหมือนที่เขาถวายเกียรติแด่พระบิดา ผู้ใดไม่ถวายเกียรติแด่พระบุตร ผู้นั้นก็ไม่ถวายเกียรติแด่พระบิดาผู้ทรงใช้พระบุตรมา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าผู้ใดฟังคำของเราและวางใจในพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา ผู้นั้นก็มีชีวิตนิรันดร์ และไม่ถูกพิพากษาแต่ได้ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว”6

คุณอาจจะคิดว่า “โอเค ชีวิตนิรันดร์เหรอ มันเยี่ยมมากนะ แต่ถ้ามันเป็นเรื่องของตอนนี้ล่ะ ในชีวิตปัจจุบันนี้?”

คุณสามารถเผชิญทุกอย่างในชีวิต ณ ปัจจุบันนี้ได้ ด้วยความรู้ที่ว่า พระเจ้าทรงรักคุณ

เราทุกคนหิวกระหายที่จะได้ให้มีใครมารักเรา ความรักของมนุษย์เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ทุกคนที่รักคุณก็รักอย่างไม่สมบูรณ์ เพราะมนุษย์เราไม่สมบูรณ์แบบ

แต่พระเจ้าทรงสามารถที่จะรักคุณอย่างสมบูรณ์แบบได้ พระองค์ทรงรักเราเพราะเป็นธรรมชาติของพระองค์ที่จะรัก และมันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงและไม่มีวันหยุดยั้ง

เราทุกคนทำชีวิตตัวเองให้ยุ่งวุ่นวาย เราล้มเหลวที่จะมีชีวิตไปให้ถึงมาตรฐานของตัวเราเอง นี่เรายังไม่ได้พูดถึงมาตรฐานของพระเจ้าเลยด้วยซ้ำ แต่พระเจ้าไม่ได้ทรงยอมรับเราโดยขึ้นอยู่กับการประพฤติปฏิบัติของเรา พระองค์ทรงยอมรับเรา เมื่อเราเพียงแค่เชื่อวางใจในพระองค์ มาหาพระองค์ และเชิญพระองค์ให้ทรงเข้ามาเป็นพระเจ้าในชีวิตของเรา เท่านั้น

พระคัมภีร์ตอนนี้จะบอกเราว่า พระเยซูทรงอธิบายความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ ไว้อย่างไร:

“พระบิดาทรงรักเราฉันใด เราก็รักท่านทั้งหลายฉันนั้น จงยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา เหมือนดังที่เราประพฤติตามบัญญัติของพระบิดา และยึดมั่นอยู่ในความรักของพระองค์ นี่คือสิ่งที่เราได้บอกท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราดำรงอยู่ในท่าน และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม พระบัญญัติของเรา คือให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เราได้รักท่าน”7

อะไรจะเกิดขึ้นถ้าคุณยอมรับในคำพูดของพระองค์? จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณได้เริ่มมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า?

ไม่ว่าความสัมพันธ์สำคัญที่คุณมี เป็นแบบใด ความสัมพันธ์เหล่านั้นล้วนส่งผลต่อชีวิตของคุณทั้งสิ้น ไม่ว่าจะส่งผลแง่บวกหรือ แง่ลบก็ตาม ใช่ไหม? นี่เป็นความจริงสำหรับทุกคน ยิ่งความสัมพันธ์นั้นมีความสำคัญมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งส่งผลต่อคุณมากเท่านั้น

ดังนั้นมันจึงดูสมเหตุสมผลที่ การรู้จักกับพระเจ้าจะเป็นความสัมพันธ์ ที่มีความสำคัญยิ่งต่อคุณ พระองค์จะทรงนำชีวิตของคุณตามความรักที่ ทรงมีต่อคุณ และความปรารถนาของพระองค์ในชีวิตคุณ คุณยังคงเป็นผู้ ที่ตัดสินใจ คุณยังคงรักษาเจตจำนงเสรีของคุณเอาไว้อยู่ พระองค์ไม่ได้ทรง ยึดการปกครองในชีวิตคุณ หรือบังคับให้คุณทำอย่างที่พระองค์ทรงต้องการ แต่ฉันก็ประทับใจอย่างมาก กับพระสติปัญญา ความเมตตากรุณา และ มุมมองของพระองค์ต่อผู้คนและต่อชีวิต

พระเจ้าจะไม่ทรงต้องต่อคิวของโลก จากสิ่งที่โลกนี้กำหนด พระเจ้า พระผู้สร้างจักรวาลไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องให้โลกนี้นำทางให้พระองค์ ใช่ไหม? เช่นนี้แหละ ฉันรู้สึกว่าฉันมีอิสระเสรีในพระองค์

นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำในชีวิตของฉัน เมื่อฉันเริ่มต้นมีความสัมพันธ์กับพระองค์

ฉันเคยเป็นพวกที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า การมาเชื่อพระเจ้า หรือการอ่านพระคัมภีร์เป็นการหักเหครั้งใหญ่ในชีวิตของฉัน มันเป็นอนุสรณ์เลยก็ว่าได้

หลังจากต้อนรับพระเยซูคริสต์ได้สักสองสามเดือน เพื่อนสนิทที่สุดของฉันถามฉันว่า “เธอได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเธอบ้างหรือเปล่า?” ฉันถามว่า “หมายความว่ายังไง?” เธอบอกว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้เล่าให้เธอฟังหลายสิ่งหลายอย่าง และเธอไม่ได้ทำให้เรื่องของฉันกลายเป็นเรื่องตลก ดูเหมือนว่าเธอกำลังฟังฉันเล่าอยู่จริงๆ”

ฉันรู้สึกละอายใจ นี่คือเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน กำลังบอกฉันว่า ในที่สุดฉันก็แสดงออกอย่างที่คนๆหนึ่งควรทำและฟังเธออย่างแท้จริง

(ฉันรู้สึกประหลาดใจในสิ่งที่เธอได้สังเกตเห็นในชีวิตของฉัน และเธอผู้นี้ก็ได้ตัดสินใจทูลเชิญพระเยซูให้เข้ามาในชีวิตของเธอเช่นกัน)

นี่คือสิ่งที่ฉันคิดว่าได้เกิดขึ้นในชีวิตของฉัน

เมื่อฉันได้เริ่มความสัมพันธ์ของฉันกับพระเจ้า ฉันรับรู้ได้ถึงความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อฉัน สิ่งนี้ทำให้ฉันแปลกใจ เมื่อฉันอ่านพระคัมภีร์ ฉันพบว่าหลายอย่างที่เขียนในนั้นมันเหมือนกับข้อความส่วนตัวของพระเจ้าที่ทรงเขียนถึงฉัน ว่าพระองค์ทรงรักฉันมากแค่ไหน (ฉันเติบโตมาด้วยความคิดที่ว่าพระเจ้านั้นทรงกริ้วพวกเรามากเอาการอยู่ เพราะว่าเราไปไม่ถึงมาตรฐานของพระองค์) ดังนั้นสิ่งที่ได้รับรู้จึงเป็นความมหัศจรรย์สำหรับฉัน ที่ว่าพระเจ้าทรงรักเรา

และฉันว่า ความต้องการด้านอารมณ์ที่ต้องการความรัก ก็ได้รับการเติมเต็มโดยพระเจ้าในระดับที่ลึกซึ้งเสียด้วย จนทำให้ฉันกลายเป็นคนที่มีความมั่นคงทางอารมณ์มากขึ้น ฉันเริ่มที่จะคิดถึง และแคร์คนอื่นๆมากขึ้นกว่าตัวฉันเอง และมันชัดเจนที่ว่าฉันกลายเป็นผู้ฟังที่ดีมากขึ้นและห่วงใยคนอื่นมากขึ้น ฉันยังได้พบว่าการเหยียดเชื้อชาติที่ฉันเคยมีนั้นก็ลดน้อยลงด้วย

พระเยซูทรงสัญญาว่า ถ้าเรายอมให้พระองค์ทรงสอนและทรงนำเรา พระองค์ตรัสว่า “และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะและสัจจะ จะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท”8

ถ้าคุณได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์ คุณอาจจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงด้านทัศนคติ หรือความสิ้นหวัง หรือมุมมองของคุณต่อคนอื่น หรือการใช้เวลาของคุณ พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบ แต่เมื่อคุณได้รู้จักกับพระองค์ พระองค์จะมีอิทธิพลต่อชีวิตของคุณ ถ้าคุณถามใครๆที่รู้จักพระเยซู เขาจะสามารถบอกคุณได้แน่ว่าพระเยซูทรงสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตพวกเขาอย่างไร

พระองค์ดูเหมือนจะประทานความปรารถนาให้เราที่จะเลือกทางของพระองค์มากกว่า ส่วนที่พระองค์ทรงทำได้อย่างไรนั้น เราคาดเดาไม่ได้ มันไม่ได้เหมือนกับว่าพระองค์ประทานคำสั่งชุดใหม่เพื่อให้คุณต้องปฏิบัติตามตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การเปลี่ยน แปลงนี้ ไม่ใช่ความพยายามของคุณเองหรือการที่คุณประกอบสิ่งดีเพื่อพระเจ้า และมันก็ไม่ใช่การอุทิศตัวเพื่อศาสนาด้วย มันคือความสัมพันธ์ คือความสนิทสนมแน่นแฟ้นในมิตรภาพที่คุณมีกับพระเจ้า มันคือการที่พระเจ้าทรงนำคุณและสอนคุณเกี่ยวกับพระองค์เอง เกี่ยวกับชีวิต พระองค์ทรงเข้ามาในชีวิตของเราเมื่อเราได้เชื้อเชิญให้พระองค์ทรงเข้ามา พระองค์ทรงทำการในชีวิตของเราจากภายในสู่ภายนอก ในระดับของจิตใจ

พระเยซูทรงพร้อมที่จะประทานชีวิตที่มีอะไรมากกว่าเดิม คุณคงทราบว่าในความสัมพันธ์ การงาน กีฬา ความบันเทิง...ต่างก็มีช่วงเวลาที่ดียอดเยี่ยมด้วยกันทั้งสิ้น แต่ความพึงพอใจที่คุณได้รับ บ่อยครั้งมันก็หายไป ความพึงพอใจที่สิ่งเหล่านั้นมีให้เราไม่ได้ทำให้เราอิ่ม และก็ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะทำเช่นนั้นได้ด้วย

คุณมีความหิวในสิ่งที่จะคงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดเวลา เป็นสิ่งซึ่งคุณจะวางใจได้ พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย” พระองค์ได้ทรงจบคำตรัสตอนนี้ของพระองค์ว่า “...ผู้ที่มาหาเรา เราก็จะไม่ทิ้งเขาเลย”9 ฉันได้ค้นหาปรัชญาสำหรับชีวิตที่จะสามารถใช้ได้เสมอในทุกสถานการณ์เป็นเวลาหลายปี เมื่อฉันได้มารู้จักกับพระเจ้า การค้นหาของฉันก็สิ้นสุดลง ฉันพบว่าพระองค์ทรงเป็นที่ไว้วางใจได้

ความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า จะดูแตกต่างจากความสัมพันธ์ของคนอื่นๆกับพระองค์ คุณเป็นปัจเจกบุคคล ที่มีประสบการณ์ ความคิด ความสนใจ ความฝัน ความต้องการที่แตกต่าง ลองอ่านหนังสือพระกิตติคุณดู คุณจะเห็นว่าพระเยซูทรงปฏิสัมพันธ์กับแต่ละคนในแบบที่เหมาะสมสำหรับ...แต่ละคน

ฉันกำลังคิดนะว่า ตอนนี้ คุณกำลังแสดงให้ฉันเห็นแค่ข้อดีของการรู้จักพระเจ้าเท่านั้นหรือเปล่า

ความสัมพันธ์กับพระเจ้านั้นไม่มีการรับรองว่า คุณจะได้รับการปกป้องจากความยากลำบากในชีวิตของคุณ คุณอาจจะต้องพบเจอกับความเครียดทางการเงิน ความเจ็บป่วยรุนแรง อุบัติเหตุ แผ่นดินไหว ความสัมพันธ์ที่ทำให้เจ็บปวดใจ เป็นต้น

ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าในชีวิตนี้จะต้องมีความทุกข์ทรมาน คุณจะเผชิญสิ่งเหล่านี้ตามลำพัง หรือคุณสามารถเลือกที่จะดำเนินชีวิตด้วยความแน่ใจในความรักของพระเจ้า การสถิตอยู่ของพระองค์ ความสนิทสนมใกล้ชิดของพระองค์ในท่ามกลางสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ได้

นี่เป็นคำเตือน พระองค์อาจจะทรงนำคุณไปสู่อาชีพที่ท้าทายอย่างยิ่ง หรือนำสู่การเสียสละส่วนตัวบางอย่างเพื่อการช่วยเหลือดูแลคนอื่นก็ได้

สาวกส่วนใหญ่ของพระเยซู (และของผู้ติดตามพระเยซูในปัจจุบันอีกมากมาย) ต้องประสบการความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ตัวอย่างเช่น อ.เปาโล ถูกจับกุม เฆี่ยนตีด้วยไม้และแส้บ่อยๆ นับครั้งไม่ถ้วนเลยทีเดียว ครั้งหนึ่งท่านเกือบตายเพราะถูกฝูงชนที่กำลังโกรธเกรี้ยวเอาหินขว้างท่าน ท่านอยู่ในเหตุการณ์เรือแตกสองสามครั้ง อยู่โดยไม่มีอาหารรับประทานหลายวัน และต้องหนีหัวซุกหัวซุนเอาชีวิตรอดก็ออกบ่อย

เห็นได้ชัดเจนว่า ผู้ติดตามของพระเยซูไม่ได้มีชีวิตที่เรียบง่าย แม้กระนั้น อ.เปาโลและผู้เชื่อคนอื่นๆ ยังคงสำนึกถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อพวกเขาอย่างไม่หวั่นไหวเลย

อ.เปาโลเขียนไว้ว่า “เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตายหรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งใดๆอื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถกระทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้”10

คุณไม่ได้วางแผนหนทางในชีวิตคุณ ถ้าคุณเป็นเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล แปลงเพศหรือไม่แน่ใจในเรื่องเพศของคุณก็ตาม...ถ้าคุณยอมให้พระเยซูเข้ามาในชีวิต พระองค์จะทรงนำชีวิตของคุณ และมันจะยิ่งใหญ่มากกว่าที่คุณสามารถจินตนาการได้ พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”11

นี่เป็นวิธีที่คุณจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า ทำตอนนี้ได้เลย

ไม่ว่าคุณได้ทำอะไรไปแล้วบ้างในชีวิต พระเยซูทรงสามารถประทานการอภัยโทษบาปที่สมบูรณ์ให้คุณได้ ความบาปของเราไม่ได้ถูกมองข้ามไป แต่ความบาปของเราได้รับการจ่ายแทนแล้วโดยพระเยซูบนไม้กางเขนนั้น ผู้ทรงสละชีวิตของพระองค์เองแทนเรา

เคยมีใครที่สละชีวิตของตัวเองเพื่อคุณหรือเปล่า? นี่คือสิ่งที่พระเยซูทำในขั้นสูงที่สุดแล้ว พระองค์ทรงรักคุณมากขนาดนั้น พระองค์ทรงสามารถเข้ามาในชีวิตจิตใจของคุณและสถาปนาความสัมพันธ์ของพระองค์กับคุณได้

คุณต้องการจะรู้จักพระเจ้าไหม? ฉันหนุนใจว่าให้คุณยอมรับพระองค์เข้ามาในชีวิตของคุณ ถ้าหากคุณยังไม่เคยได้ทำเช่นนั้น พระองค์ตรัสว่า ความสัมพันธ์นี้แหละ ที่จะทำให้เราอิ่มเอมใจ เราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ดำเนินชีวิตของเราโดยปราศจากพระองค์

คุณสามารถพูดกับพระองค์ ใช้คำพูดอะไรก็ได้ ถ้าคุณต้องการตัวช่วย คุณอาจจะพูดกับพระองค์อย่างนี้ได้ว่า:

“พระเยซู ลูกเชื่อในพระองค์ ขอบพระคุณที่สิ้นพระชนม์เพื่อลูก และทรงเสนอความสัมพันธ์กับพระองค์ให้แก่ลูก ลูกต้องการให้พระองค์ทรงมาเป็นพระเจ้าในชีวิตของลูก ลูกต้องการรู้จักพระองค์ มีประสบการณ์กับความรักของพระองค์ และตอนนี้ลูกขอพระองค์ทรงนำชีวิตของลูกด้วย”

 ฉัน/ผมได้เชิญพระเยซูให้เข้ามาในชีวิต (มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ดังต่อไปนี้)
 ฉัน/ผม อาจจะอยากเชิญให้พระเยซูเข้ามาในชีวิต กรุณาอธิบายให้เข้าใจมากกว่านี้
 ฉัน/ผม มีคำถาม หรือ ความคิดเห็น

(1) มธ.11:28-29 (2) ยน.1:16-17 (3) ยน.3:16-18 (4) ยน.1:11-12 (5) ยน. 5:18 (6) ยน. 5:22-24 (7) ยน.15:9-12 (8) ยน. 8:32 (9) ยน. 6:35,37 (10) โรม8:38-39 (11) ยน.8:12


แชร์ต่อกับคนอื่น:
WhatsApp Share Facebook Share Twitter Share Share by Email More