×
ค้นหา
EveryThaiStudent.com
ค้นหาเรื่องพระเจ้าและคำถามในชีวิต
รู้จักพระเจ้า

การรู้จักกับพระเจ้าเป็นอย่างไรหรือ?

คุณไม่ได้ถูกสร้างเพื่อให้เผชิญชีวิตตามลำพัง นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเสนอให้คุณ…

WhatsApp Share Facebook Share Twitter Share Share by Email More PDF

เจ ไอ แพคเกอร์ กล่าวไว้อย่างดีว่า “เราจะโหดร้ายกับตัวเองมาก ถ้าเราพยายามดำเนินอยู่ในโลก โดยไม่รู้เกี่ยวกับพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของโลกนี้ และผู้ที่ทำให้มันดำเนินไป”1

เมื่อครั้งที่ฉันยังเป็นคนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า ฉันต้องการมองหาปรัชญาและหนทางเข้าถึงชีวิตที่จะใช้ได้กับทุกสถานการณ์ที่ผ่านเข้ามา ฉันคิดว่า ถ้าฉันพบเหตุผลถูกต้องแท้จริงที่จะมีชีวิตอยู่ เป้าหมายที่ดีหรือได้ผ่านการทดสอบว่าดีพอ หรือหนทางที่มันใช้ได้แล้วละก็ ฉันก็จะสามารถรับมือกับอะไรก็ตามที่เข้ามาได้ ฉันจะเป็นคนที่สามารถอย่างสมบูรณ์ในทุกเรื่อง

ฉันค้นหาสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจังสม่ำเสมอ ฉันศึกษาปรัชญาจนกระทั่งฉันเข้าใจมัน จากนั้นฉันจะเอาหลักของมันไปลองใช้ดู ฉันทดสอบหลักปรัชญาหลายๆอย่าง และพบว่าแต่ละอย่างนั้นถ้าไม่เป็นหลักการในอุดมคติมากเกินไปก็เป็นหลักการที่ดีไม่พอ

ฉันไม่ได้ตระหนักเลยว่า สิ่งที่ฉันต้องการจริงๆคือการมีคนอีกคนที่จะเดินไปในเส้นทางชีวิตด้วยกันกับฉัน ผู้ที่ไม่มีความจำกัด ไม่มีข้อผิดพลาด และมีสติปัญญาที่ไม่จำกัดซึ่งเขาเต็มใจที่จะแบ่งปันมันให้กับฉัน

ชีวิตของเพื่อนคนหนึ่งเป็นเหตุให้ฉันคิดถึงทิศทางอื่น พระเจ้ามีจริงไหมนะ?

หลังจากหนึ่งปีครึ่งแห่งการสืบค้นหลักฐานเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของพระเจ้า ฉันได้ทูลเชิญพระองค์ให้เข้ามาในชีวิตของฉัน

พระคัมภีร์ได้อธิบายบางอย่างที่ฉันพบว่ามันคือความเป็นจริง... “ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะ กลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”2

ข้อความนี้พูดถึงพระเยซูคริสต์ เพราะว่าพระเยซูผู้นี้เป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเข้ามา พระเยซูตรัสว่า “เรามาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์”3

สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด คือเมื่อฉันอ่านพระกิตติคุณเรื่องชีวิตของพระเยซู ฉันได้สังเกตว่า พระเยซูได้ทรงอธิบายความรักที่ทรงมีต่อเรา แบบมีรายละเอียดและตรัสถึงเรื่องนี้บ่อยๆ

จากการเริ่มต้นแสวงหาความเข้าใจด้านความรู้ความคิด กลายมาเป็นการรับรู้เป็นส่วนตัวถึงความจริงที่ว่าพระเจ้านั้นทรงเป็นยิ่งกว่าที่ฉันคาดว่าพระองค์ทรงเป็นอย่างมากมายนัก ฉันได้พบว่า ความรักของพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ถ้าเราจะ... หรือ เมื่อเราจะ...” มันไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญในการกระทำของเรา หรือการที่ว่าเราสมควรได้รับความรักของพระเจ้าหรือไม่ เราไม่สมควรหรอก พระองค์ทรงรักเรา เพราะว่าเป็นธรรมชาติของพระองค์ที่จะรัก

กษัตริย์ดาวิดกล่าวเอาไว้ในพระธรรมสดุดีว่า “ความรักมั่นคงของพระเจ้าดีกว่าชีวิต”4 และ “ในพระองค์มีน้ำแห่งชีวิต เราเห็นความสว่างโดยสว่างของพระองค์”5

เมื่อเราเริ่มมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้า การมีชีวิตของเราก็ดูสมเหตุสมผลมากขึ้น

พระเจ้าทรงสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณได้ไหม? ได้

นี่เป็นตัวอย่างเรื่องราวจากบางคนที่ได้เขียนหาเราทางเว็บไซต์ของเรา

“ชอบมากเลย ที่ฉันแค่ไว้วางใจพระเจ้าเท่านั้น”

“ตอนนี้ฉันมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าแล้ว มันเป็นความจริงที่เราถูกออกแบบมาเพื่อให้มีความสัมพันธ์กับพระองค์ ฉันรู้สึกถึงความสมบูรณ์ในพระองค์”

“ขอบคุณที่เปิดตาและใจให้ฉัน ได้เห็นหนทางที่ฉันสามารถมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้”

“ ฉันเป็นคนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า และไม่รู้จักพระเยซูคริสต์ จนกระทั่งเมื่อ 6 สัปดาห์ที่แล้ว ความสัมพันธ์ของฉันกับพระองค์มันสุดยอดมากและกำลังเติบโตขึ้น พระเจ้าช่วยเอาภาระหลายอย่างของฉันออกไป ฉันไม่เคยมีความสุขอย่างนี้มาก่อนเลย เพราะพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ และยังทรงพิสูจน์ความรักของพระองค์ที่มีต่อฉันอยู่เรื่อยๆ”

“ฉันขอบคุณมากๆเลยที่ช่วยให้ฉันค้นพบพระเจ้า--- เว็บไซต์ของคุณช่วยให้ฉันเริ่มถามคำถามเพื่อการรู้จักพระเจ้า แม้ฉันจะรู้ว่าเป็นพระเจ้าที่ทรงแสวงหาฉันก่อน”

“ฉันกำลังเรียนรู้อย่างช้าๆเกี่ยวกับพระเยซู พระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ฉันคงต้องพูดว่าฉันตะลึงพรึงเพริดในพระเจ้าของเรา พระองค์สุดยอดมาก ฉันกำลังรู้จักพระองค์อย่างง่ายๆมากขึ้นเรื่อยๆ ตื่นเต้นที่จะอ่านพระคัมภีร์ยอห์น ฉันภูมิใจที่ได้เป็นสาวกพระเยซูคริสต์”

“ขอบคุณที่ช่วยให้ฉันพบพระเจ้าและพบตัวเอง”

“ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า ฉันสามารถไปหาพระเจ้าได้แม้รู้สึกย่ำแย่ ฉันไม่จำเป็นต้องรับมันไว้ที่ตัวฉันเองเสมอไป หรือจำเป็นต้องมีคนฟังระบายให้ฟัง หรือดื่มเพื่อให้ลืมมัน ฉันสามารถเข้าไปเฝ้าพระเจ้าโดยเอาความรู้สึกนั้นไปด้วยได้”

แล้วสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? และมันจะเกิดขึ้นกับคุณได้ด้วยหรือเปล่า?

พระเจ้าทรงสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณได้ พระองค์จะไม่ทำให้ชีวิตของคุณไร้ซึ่งปัญหาเลย คุณจะยังคงมีปัญหาในความสัมพันธ์ หรืออาจเป็นในด้านการเงิน เป็นต้น คุณจะยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ยังใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ และมันห่างไกลจากโลกที่สมบูรณ์แบบ

อย่างไรก็ตามพระเยซูตรัสว่า “ เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามา จะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”6 เราจะไม่ต้องเดินในหนทางชีวิตอย่างคนตาบอด พระองค์ทรงนำทางเรา

พระองค์ทรงขจัดความกลัวของเรา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม พระเจ้าทรงเป็นที่ไว้วางใจได้ พระเยซูตรัสว่า “เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย... แต่จงชื่นใจเถิดเพราะว่า เราได้ชนะโลกแล้ว” พระองค์ทรงเข้มแข็งยิ่งกว่าปัญหาใดๆของเรา จะทรงเดินกับเราในท่ามกลางปัญหานั้นๆ ในฐานะที่ทรงเป็นเพื่อนรักของเรา

พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงบางอย่างในพื้นที่ชีวิตของเรา ที่เราไม่สามารถเปลี่ยนได้ พระคัมภีร์กล่าวว่า มีบางอย่างในชีวิตที่ทำให้เราเป็นทาสอยู่ ที่มันบงการชีวิตเราอยู่

เราอาจจะไม่อยากโกรธ แต่เราก็หลุดไปจนได้ เราอาจจะอยากเป็นคนใจกว้างขวาง แต่ก็ดูเหมือนยากที่จะให้ความจำเป็นและความปรารถนาของคนอื่นมาก่อนความจำเป็นและความปรารถนาของเรา ถึงแม้ว่าเราอยากจะเป็นอิสระจากความเกลียดชังแต่เรายังต้องต่อสู้กับความเกลียดชังอยู่ ไม่ว่าจะต่อผู้อื่นหรือต่อตัวเองก็ตาม และดูเหมือนว่าจะสลัดมันออกไปจากเราไม่ได้

พระเยซูตรัสว่า เมื่อเรารู้จักพระองค์แล้ว เราจะเป็นอย่างนี้ “และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท”7 พระองค์ทรงเปลี่ยนวิธีที่เรามองชีวิต วิธีที่เราคิดกับคนอื่น วิธีที่เรามองตัวเอง พระเจ้าทรงยอดเยี่ยมและทรงเป็นจริงมากยิ่งกว่าที่คุณอาจจะจินตนาการได้ในตอนนี้

คุณอยากรู้จักพระเจ้าในลักษณะนี้ไหม?

พระเจ้าทรงมีความรักอย่างแท้จริงเพื่อเรา ในการที่พระองค์เองทรงจัดเตรียมหนทางเพื่อเราให้เข้าใกล้พระองค์มากขึ้น สิ่งที่กั้นขวางไม่ให้เราเข้าถึงพระเจ้าได้ก็คือความบาปของเรา (ความคิดและการกระทำของเราที่พระเจ้าทรงเห็นว่า ไม่ถูกต้อง) ถ้าคุณเคยสงสัยว่าทำไมคำอธิษฐานของคุณดูเหมือนมันไไม่ได้ไปถึงไหนเลย นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไม ความบาปของเราแยกเราออกจากพระเจ้าผู้บริสุทธิ์

ผลของความบาปคือความตาย นั่นหมายถึงการถูกตัดขาดเป็นนิรันดร์จากพระเจ้าโดยความบาปของเรา แต่โดยความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อเรา พระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ได้สิ้นพระชนม์เพื่อรับโทษบาปแทนเรา พระเยซูทรงรับความบาปทั้งหมดของเราเอาไ้ว้บนบ่าของพระองค์ ในขณะที่พระองค์ทรงเต็มพระทัยที่จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน

พระเยซูทรงบอกกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน”8 พระเยซูทรงกระทำสิ่งนี้เพื่อเรา เพื่อที่เราจะได้รับการอภัยโทษบาปอย่างสมบูรณ์...และตลอดไป กำแพงความบาปที่เคยกั้นขวางเราไว้จากพระเจ้าพังทลายไปหมดสิ้นแล้ว

พระเจ้าได้เสนอความสัมพันธ์กับพระองค์นี้แก่ทุกคน ผู้ที่จะเชื่อในพระเยซู ผู้ที่จะยอมรับข้อเสนอแห่งการยกโทษบาปจากพระเจ้า

ความสัมพันธ์นี้กลายเป็นความสัมพันธ์สองทาง - คือการมีปฏิสัมพันธ์อย่างแท้จริงกับพระเจ้า

ศาสนามักจะตั้งทางเลือกแบบทางเดียวให้กับเรา คือการที่คุณพยายามทำ คุณนมัสการพระเจ้า คุณปฏิบัติตามพิธีกรรม คุณเชื่อฟังกฎต่างๆ คุณพิสูจน์การอุทิศตนของคุณต่อพระเจ้า มันกลายเป็นหน้าที่ แต่มันไม่มีความสัมพันธ์

ในทางตรงกันข้าม พระคัมภีร์ได้แสดงให้เห็นพระเจ้าอย่างนี้ว่า พระเจ้าทรงเต็มพระทัยต้อนรับ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะนำคุณไปสู่ชีวิตที่แท้จริงในการทรงสร้างคุณมาเพื่อให้ได้รับ เมื่อพระองค์ทรงนำคุณอย่างใกล้ชิดสนิทสนม พระองค์ทรงเชื้อเชิญคุณให้รู้จักพระองค์และไว้วางใจในพระองค์

มีคนจ่ายเงินมากพอที่จะได้ “โค้ชนำชีวิต”มา คนผู้นี้คือคนที่มาทำความรู้จักกับชีวิต ตารางเวลา ความสัมพันธ์ การตัดสินใจต่างๆ ของคนๆหนึ่งและพยายามนำคนที่ว่านี้ไปสู่การมีชีวิตที่เกิดผลมากขึ้นและไปสู่ความพึงพอใจ

พระเจ้าทรงรู้จักเราดีกว่าโค้ชนำชีวิต จะสามารถรู้ได้ พระองค์ทรงรู้จักอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเรา พระองค์ทรงสนพระทัยในความสัมพันธ์ที่เรามีทุกแบบที่เราเคยมีมา และผลกระทบที่ความสัมพันธ์เหล่านั้นมีต่อชีวิตของเรา พระองค์ทรงทราบว่าทำไมจึงทรงสร้างเรามา ความต้องการที่จำเป็นของเรา ด้านไหนในชีวิตที่เราให้น้ำหนัก หรือด้านไหนที่เราหวังว่า เราจะเปลี่ยนมันได้แต่เราก็ทำไม่ได้

ตัวศาสนานี่เองที่สร้างข้อเรียกร้อง พระเยซูทรงต้องการนำเราไปสู่อิสรภาพ พระองค์ตรัสว่า “ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในคำของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริงและท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท”9 เป็นไทจากอะไร? ก็จากความกระวนกระวาย จากการขาดเป้าหมาย จากความกลัว จากความเกลียดชัง และจากนิสัยที่ทำลายชีวิต

พระเยซูทรงนำเราไปสู่การพักที่ให้ชีวิต แทนที่จะเป็นข้อปฏิบัติทางศาสนา พระเยซูตรัสว่า “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อย เป็นสุข...เรียนจากเรา...และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก”10

ชีวิตนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ในท่ามกลางความห่วงกังวลทั้งหลายของเรา มีพระเจ้าทรงฤทธิ์ผู้ที่เราสามารถรู้จักได้ ผู้ที่สามารถประทานสันติสุขแก่จิตใจของเราได้ และประทานกำลังแก่ชีวิตของเรา มากยิ่งกว่าที่เราจะพยายามรวบรวมมาด้วยกำลังของเราเอง

และเมื่อคุณพูดกับพระองค์และไว้วางใจพระองค์ บ่อยครั้งที่คุณ จะเห็นพระเจ้าทรงตอบสนองด้วยการทำงานในสถานการณ์เหล่านั้นอย่างชาญฉลาดและในวิถีที่มีความห่วงใย คุณจะได้เห็นว่าพระองค์ทรงได้ยินคุณ นี่ไม่ได้หมายความว่าเราไปบงการพระเจ้า แล้วพระองค์จะทำในสิ่งที่เราปรารถนาทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถรู้ได้ว่า พระองค์ทรงใส่พระทัยในเราและทรงมีความสามารถที่จะดูแลเราผู้ที่ไว้วางใจในพระองค์ได้ เมื่อคุณรู้จัก พระเจ้ามากขึ้น ความเชื่อศรัทธาในพระองค์ก็จะเพิ่มมากขึ้น

พระเยซูตรัสว่า “ทุกคนที่มาหาเราและฟังคำของเราและกระทำตามคำนั้น เราจะแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า เขาเปรียบเหมือนผู้ใด เขาเปรียบเหมือนคนหนึ่งที่สร้างตึก เขาขุดลึกลงไปและตั้งรากบนศิลา และเมื่อน้ำมาท่วม กระแสน้ำไหลเชี่ยวกระทบกระทั่ง แต่ทำให้หวั่นไหวไม่ได้ เพราะได้สร้างไว้มั่นคง”11

ความสัมพันธ์กับพระองค์มีคุณค่าเช่นนั้น

เมื่อเราทูลเชิญให้พระเยซูเข้ามาในชีวิตของเรา เราได้รับการยกโทษบาป และเราเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระองค์ที่ยั่งยืนเป็นนิรันดร์ พระเยซูทรงเชื้อเชิญเราให้เข้ามาสู่ความสัมพันธ์กับพระองค์ในลักษณะนี้ พระองค์ตรัสว่า “เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู (หัวใจของเรา) ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาผู้นั้น”12

ถ้าคุณต้องการทำอย่างนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะพูดเป็นคำพูดอย่างไรดี ตัวอย่างนี้อาจจะช่วยได้ “พระเยซูเจ้าข้า ขอบคุณพระองค์ที่สิ้นพระชนม์เพื่อบาปของลูก พระองค์รู้จักชีวิตของลูกและทรงรู้ว่าลูกต้องการการยกโทษบาป ขอพระองค์ทรงยกโทษบาปให้ลูกด้วยในเวลานี้ และเสด็จเข้ามาในชีวิตของลูก ลูกต้องการรู้จักพระองค์ในแบบที่เป็นจริง โปรดเข้ามาในชีวิตลูกตอนนี้ ขอบคุณพระองค์ที่ทรงต้องการมีความสัมพันธ์กับลูก อาเมน”

พระเจ้าทรงมองว่าความสัมพันธ์ของคุณกับพระองค์นั้นเป็นสิ่งที่ถาวร พระเยซูตรัสกับเรา เมื่อกล่าวถึงคนเหล่านั้นที่เชื่อในพระองค์ว่า “เรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นตามเรา เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้น แกะนั้นจะไม่พินาศเลย และจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้น ไปจากมือของเราได้”13

 ฉัน/ผมได้เชิญพระเยซูให้เข้ามาในชีวิต (มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ดังต่อไปนี้)
 ฉัน/ผม อาจจะอยากเชิญให้พระเยซูเข้ามาในชีวิต กรุณาอธิบายให้เข้าใจมากกว่านี้
 ฉัน/ผม มีคำถาม หรือ ความคิดเห็น

(1) J.I. Packer;Knowing God; Inter Varsity Press, หน้า 14 (2) 2 โครินธ์ 5:17 (3) ยอห์น 10:10 (4) สดุดี 63:3 (5) สดุดี 36:9 (6) ยอห์น8:12 (7) ยอห์น 8:32 (8) ยอห์น 15:13 (9) ยอห์น 8:31-32 (10) มัทธิว 11:28-29 (11) ลูกา6:47-48 (12) วิวรณ์ 3:20 (13) ยอห์น 10:27-28


แชร์ต่อกับคนอื่น:
WhatsApp Share Facebook Share Twitter Share Share by Email More