×
ค้นหา
EveryThaiStudent.com
ค้นหาเรื่องพระเจ้าและคำถามในชีวิต
ปริศนาชีวิต

โคโรน่าไวรัส โควิด 19
เราจะรับมือกับความวิตกกังวลได้อย่างไร?

นี่เป็นวิธีการที่เชื่อถือได้ในการจัดการกับความวิตกกังวล ความตึงเครียดเกี่ยวกับโคโรน่าไวรัสและเรื่องอื่นๆ และชีวิตที่มีสันติสุขมากขึ้น…

WhatsApp Share Facebook Share Twitter Share Share by Email More PDF

สำหรับหลายๆคน การระบาดที่เพิ่มขึ้นของโคโรน่าไวรัสนั้น เป็นสัญญาณเตือนที่น่าเป็นห่วง การติดเชื้อยังคงเกิดขึ้นในประเทศใหม่หลายประเทศ และมีคนที่เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในประเทศเหล่านั้นด้วย

อย่างไรก็ตามคุณอาจจะวิตกกังวลเกี่ยวกับสิ่งอื่นด้วยเช่นกัน ในแต่ละวันเราต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆมากมายที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดความรู้สึกเครียด

ถ้าจะพูดถึงสาเหตุก่อความเครียดก็มีมากมายหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น การก่อการร้าย สภาพอากาศแปรปรวน ความขัดแย้งระหว่างชาติพันธ์ สงคราม การปกครองที่ไม่เป็นระบบ ความยากจน การคุกคามทางเพศ การใช้แรงงานทาส ภัยธรรมชาติ ปัญหาการเงิน ความเจ็บป่วย ความมั่นคงในอาชีพการงาน ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด การเสพติด เป็นต้น

แค่แจกแจงสิ่งเหล่านี้ก็รู้สึกเจ็บปวดแล้ว

เราไม่สามารถรับรู้ได้อีกต่อไปแล้วว่า อะไรส่งผลกระทบต่อเราเป็นส่วนตัว อินเตอร์เน็ตทำให้เรากลายเป็นประชากรของโลกไปแล้ว เรารับรู้ปัญหา ต่างๆที่รุนแรงจากทุกมุมของโลก...ทุกวัน...ทุกนาที การกระจายข่าวทำให้เราเกิดความกลัว ศักยภาพตามธรรมชาติมนุษย์ของเรา สนใจในสิ่งที่เป็นสัญญาณเตือนภัย

อย่างไรก็ตาม เหตุที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลส่วนใหญ่นั้นเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ เหตุดังกล่าวนั้นคือการที่สิ่งต่างๆ นั้นกำลังเกิดขึ้นในชีวิตของเรา

มันคือความรู้สึกกดดันให้จมดิ่ง รู้สึกว่า เราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ เรารู้สึกว่าอยู่ในความเสี่ยง ไม่มีกำลังต่อสู้ มันคือความรู้สึกว่าเรากำลังถูกกระทำอะไรบางอย่าง เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หรือทำบางสิ่งเพื่อเปลี่ยนแปลงมันได้

มีหนทางใดไหม ที่เราจะมีประสบการณ์กับสันติสุขในท่ามกลางสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเหล่านี้? คำตอบก็คือ มี

สันติสุขท่ามกลางการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส

บทความนี้จะบอกคุณถึงวิธีการที่เป็นจริงและเชื่อถือได้ เพื่อจะได้รับสันติสุขแม้ในสถานการณ์การระบาดของโคโรน่าไวรัสและสถานการณ์ที่สร้างความตึงเครียดอื่นๆ

อย่างแรก เราต้องพูดถึงการรักษาทางยา ถ้าคุณมักจะต้องทนทุกข์กับเรื่องความวิตกกังวล ถ้าความวิตกกังวลของคุณเป็นเหตุให้คุณจมดิ่งสู่ภาวะตกต่ำอย่างรุนแรง และมีความคิดเรื่องการทำร้ายตนเอง โปรดไปพบกับแพทย์เพื่อรับการรักษา

อย่างไรก็ตาม การที่คุณสามารถมองดูสถานการณ์อย่างสงบและมีเหตุมีผลนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา การทำอย่างนั้นก็ช่วย แต่มันไม่สามารถทำให้คุณมีสันติสุขที่แท้จริงได้ มันเหมือนกับคนที่ขาหักและเขาไม่ได้ใช้ขาข้างนั้น มันช่วยทีเดียวแต่ขาของเขาก็ยังหักอยู่

เมื่อได้ยินว่าสถานการณ์ของโคโรน่าไวรัสในประเทศของคุณค่อยๆคลี่คลายลง มันก็ช่วย แต่มันก็ยังมีสิ่งอื่นๆมากมายที่สามารถเป็นสาเหตุของความวิตกกังวลได้ ชีวิตเต็มไปด้วยความท้าทายที่ยากเสมอ

สิ่งที่คุณต้องการคือสันติสุขจากภายใน ที่อยู่ได้นาน ทำให้ความคิดและจิตใจของคุณได้พัก แม้ในสถานการณ์ที่ยุ่งยาก

หนทางที่เชื่อถือได้ในสถานการณ์แห่งความวิตกกังวล

ฉันเคยเป็นคนที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้ามาหลายปี ฉันแสวงหาปรัชญาการดำเนินชีวิตที่เชื่อถือได้อยู่เสมอ ฉันต้องการปรัชญาที่จะนำทางฉันในทุกๆด้านของชีวิต และ “แก้ได้” ในทุกสถานการณ์ ฉันศึกษาของทั้ง ซาร์ต, เพลโต, โซเครตีส, ดอสโตเยฟสกี, นิทเช่, ฮูมและคนอื่นๆอีกหลายคน

สิ่งที่ฉันได้พบคือ ปรัชญาชีวิตเหล่านี้ไม่เพียงพอ มันยังคงทิ้ง ปัญหาต่างๆให้หนักอยู่บนบ่าของฉันเอง ความรู้ทางจิตวิทยาก็เช่นเดียวกัน มันอาจช่วย แต่นักจิตวิทยา ส่วนใหญ่ก็พยายามช่วยให้คุณมองสถานการณ์ต่างๆในแง่มุม ที่ต่างออกไป สำหรับเรื่องโคโรน่าไวรัส (โควิด 19) มันยาก ที่จะมองในแง่มุมที่ต่างออกไป เมื่อเราเห็นว่ามีคนหลายพันคน ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ และจำนวนคนที่เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย

ในการแสวงหาสันติสุขแท้ที่ไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ใด ของฉัน ศาสนาก็ดูเหมือนเป็นความว่างเปล่า ฉันไม่ได้กำลังมองหาพิธีกรรม สมาธิหรือหลักข้อเชื่อ สิ่งเหล่านั้นเหมือนเป็นเครื่องแต่งกาย มันเหมือนเกมของจิต พยายามที่จะหันเหความสนใจของคุณไปจากปัญหา เป็นแค่การคิดในแง่บวกโดยปราศจากสิ่งใดอื่นอีก ดีที่สุดก็เปรียบได้แค่การใช้ยาหลอกเท่านั้น

ฉันรู้แนวโน้มของชีวิต จะมีความยากลำบากจริงๆ เกิดขึ้น ฉันต้องการหาหนทางที่เชื่อถือได้ ไม่ว่าฉันต้องเผชิญกับอะไรบ้างในชีวิต

หลายคนหวังว่าจะมีการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในการรักษาและการป้องกันโคโรน่าไวรัส แต่อย่างไรก็ตามไวรัสที่มีอยู่ก็จะยังคงมีอยู่กับเราต่อไป อาจจะมีการกลายพันธ์ในอีกหลายๆปี วิทยาศาสตร์ไม่ได้รู้ทุกอย่าง หรือสามารถทำได้ทุกอย่าง

เมื่อฉันแสวงหาสันติสุขที่เที่ยงแท้ ฉันได้พบกับเพื่อนคนหนึ่ง เธอมีชีวิตที่ฉันชื่นชม เธอคนนี้มักพูดถึงเรื่องพระเจ้า มันก็ทำให้ฉันสงสัยว่าพระเจ้ามีจริงๆหรือเปล่า

ความเป็นไปได้ในเรื่องการมีอยู่ของพระเจ้า ทำให้ฉันเริ่มกระบวนการของการตั้งคำถาม การค้นคว้า และตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะคัดค้านเรื่องนี้ สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการคือการถูกหลอกให้เชื่อในบางสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง

วิทยาศาสตร์ชี้ไปที่ทางแก้

หลังจากปีครึ่งของการค้นหาอย่างจริงจัง หลักฐานเกี่ยวกับพระเจ้าดูมีน้ำหนักมากจนฉันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ วิทยาศาสตร์นำให้ฉันมาถึงความรู้ในเรื่องการทรงดำรงอยู่ของพระเจ้า...เช่น ตำแหน่งการวางตัวและระยะห่างของโลกจากดวงอาทิตย์อย่างสมบูรณ์แบบ คุณสมบัติอันซับซ้อนของน้ำ ร่างกายมนุษย์ที่ถูกออกแบบมา เป็นต้น

ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์มากมาย เกี่ยวข้องสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่เป็นอยู่ในโลกมันทำให้ความเชื่อในเรื่อง “ความบังเอิญ” ดูเป็นเรื่องที่ไร้สาระไปเลย ฉันได้ทูลขอให้พระเจ้าทรงเข้ามา ในชีวิตของฉัน เพื่อที่ฉันจะได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระองค์ ฉันได้ค้นพบว่าสิ่งที่พระคัมภีร์พูดไว้ว่า “พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัย และเป็นกำลังของข้าพระองค์ทั้งหลาย เป็นความช่วยเหลือ ที่พร้อมอยู่ในเวลาลำบาก”1 นั้นเป็นความจริง

สันติสุขเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความกลัว

การรู้ว่าพระเจ้านั้นทรงดำรงอยู่และพระองค์ทรงห่วงใยใส่พระทัยในเรา มีผล อย่างยิ่งต่อความสามารถที่เราจะมีสันติสุขไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม ขอให้ฉันได้อธิบายให้คุณฟัง

นึกภาพเด็กผู้ชายคนหนึ่งถูกกลั่นแกล้งโดยพวกชอบรังแกคนอื่น เด็กพวกนี้จะยึดอาหารกลางวันของหนูน้อยคนนี้ไปทุกวัน เขามักถูกผลักไสไปมา ถูกล้อเลียนทำให้อับอาย เด็กคนนี้ขอร้องเด็กที่ชอบรังแกเหล่านี้แต่ก็ไม่เป็นผล เขาพยายามหลีกเลี่ยงพวกนี้ด้วยแต่ก็ล้มเหลว เขาได้แจ้งแก่คุณครูเรื่องนี้ ถึงแม้อย่างนั้นก็ช่วยได้บ้างแค่นิดหน่อย

จนวันหนึ่งมีรุ่นพี่ที่แก่กว่า (ตัวโตกว่าพวกที่ชอบรังแกเหล่านั้น) เดินเข้ามาช่วยด้วยความสงสาร และบอกกับพวกที่ชอบรังแกว่า หมดเวลาของการทรมานน้องผู้ชายคนนี้แล้ว เด็กผู้ชายที่ถูกรังแกคนนี้ก็เลยมีสันติสุข พวกที่ชอบรังแกก็ยังคงอยู่ในโรงเรียน แต่เด็กอายุแปดขวบคนนี้สามารถจะรู้สึกผ่อนคลายได้แล้ว เพราะมีคนที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขา ที่ดูแลเขาอยู่

เราได้รับข้อเสนอของการช่วยเหลือในชีวิตเราด้วยเช่นกัน พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าปัญหาใดๆที่เราเผชิญอยู่ รวมทั้งไวรัสที่กำลังระบาดอยู่เวลานี้ด้วย พระองค์ทรงสร้างเรา และทรงเต็มพระทัยและทรงต้องการที่จะดูแลเรา

สันติสุขท่ามกลางไวรัสชนิดนี้

ในท่ามกลางความกดดันของชีวิต พระเยซูได้ตรัสอย่างอ่อนโยนว่า “บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข”2

นี่คือพระเจ้าผู้ทรงสร้างจักรวาล ผู้ทรงสร้างกาแลกซี่ของดวงดาวทั้งหลาย และโลกและดาวเคราะห์ต่างๆ สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์เป็นหลายๆร้อยล้านสปีซีส์ ระบบนิเวศน์และสิ่งมีชีวิตที่สัมพันธ์กันอย่างซับซ้อน และเป็นผู้ทรงสร้างชีวิตมนุษย์ทุกคน พระคัมภีร์พูดถึงพระองค์ว่า “...สำหรับพระองค์ไม่มีสิ่งใดยากเกิน”3 พระองค์ผู้นี้ทรงเชื้อเชิญเราที่จะมาหาพระองค์เพื่อขอความช่วยเหลือจากพระองค์

พระเยซูได้ตรัสถึงพระเจ้าบ่อยๆว่า “พระบิดา”ของเราทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ผู้ทรงรักเรา

พ่อที่ดีจะปกป้อง จัดเตรียม สั่งสอน รัก ดูแล เสียสละเพื่อลูกๆของเขา พ่อจะหาวิถีทางที่จะแสดงให้ลูกรับรู้ถึงความรักของเขา

พ่อที่ดีจะปกป้อง จัดเตรียม สั่งสอน รัก ดูแล เสียสละเพื่อลูกๆของเขา พ่อจะหาวิถีทางที่จะแสดงให้ลูกรับรู้ถึงความรักของเขา ถ้าคุณเติบโตขึ้นมากับพ่อแม่หรือคุณพ่อที่ไม่รักคุณในแบบ ที่กล่าวข้างต้น คำว่า “พ่อ” คงจะไม่ใช่คำที่น่ารักสำหรับคุณ เป็นแน่ ในความเป็นจริง สำหรับบางคน ความวิตกกังวล อาจจะเริ่มมาจากพ่อแม่ของเขา หรือจากสถานการณ์ในชีวิต ที่ค่อยๆซึมเข้าไปทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคง หรือเต็มไปด้วยความกลัว อย่างลึกซึ้ง คุณอาจจะเคยถูกข่มเหง ละเลยหรือถูกทอดทิ้ง

ประสบการณ์เช่นนี้สามารถทำให้เรามีมุมมองต่อโลก ต่อตัวเองและคนอื่น บิดเบือนไป อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์กับพระเจ้านำมาซึ่งการเริ่มต้นของชีวิตใหม่ พระเยซูกล่าวถึงเรื่องนี้ว่าคือการบังเกิดใหม่ ชีวิตคุณจะแตกต่างออกไป เป็นชีวิตใหม่เมื่อคุณเริ่มมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า

หนึ่งในความกลัวอย่างยิ่งของเราเกี่ยวกับโคโรน่าไวรัส (โควิด 19)นี้คือ การต้องเผชิญกับมันเพียงคนเดียว หรือการไม่มีกำลังทั้งจิตใจหรือร่างกายเพียงพอที่จะจัดการกับมันได้ ไม่ว่ากับตัวเราเอง หรือกับคนที่เรารักก็ตาม สิ่งนี้จริงสำหรับทุกอย่างที่ทำให้เรารู้สึกกลัว เราจะถามตัวเองว่า “ฉันจะรับมือกับมันได้ไหม?

กำลัง เมื่อต้องเผชิญสิ่งที่ท้าทาย

พระเจ้าผู้ทรงสร้างคุณ ทรงรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับคุณ เหตุการณ์ต่างๆในอดีตที่เคยเกิดขึ้นกับคุณ ความสำเร็จของคุณ ความฝันที่คุณมีในชีวิต (หรือว่าความฝันที่คุณไม่มี) ความเจ็บปวด หรืออนาคตของคุณ ทั้งหมดทุกอย่าง พระเยซูตรัสว่า พระองค์ทรงรับรู้ทุกสิ่งในชีวิตคุณทั้งเรื่องขี้ผงหรือแม้สิ่งที่ดูไม่สลักสำคัญอะไรในชีวิตคุณ พระองค์ตรัสว่า “ถึงผมของท่านทั้งหลายก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น”4

“ข้าแต่พระเจ้าพระองค์ได้ทรงตรวจสอบข้าพระองค์ และทรงรู้จักข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์นั่งลงและลุกขึ้น พระองค์ทรงทราบ พระองค์ทรงประจักษ์ความคิดของข้าพระองค์ได้แต่ไกล พระองค์ทรงค้นวิถีของข้าพระองค์ และการนอนของข้าพระองค์ และทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า แม้ก่อนที่ลิ้นของข้าพระองค์จะพูด พระองค์ก็ทรงทราบความเสียหมดแล้ว”5

พระองค์ทรงทราบทุกสิ่งเกี่ยวกับคุณ ความสัมพันธ์อันมั่นคงที่สุดที่คุณสามารถมีในโลกนี้ได้ คือความสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้ทรงรักคุณ

การนำทางในความมืดมิด

พระเจ้าไม่เคยทรงตั้งพระทัยที่จะให้เราดำเนินชีวิตด้วยตัวของเราเพียงลำพัง พระองค์ทรงต้องการที่จะนำเราไปสู่ชีวิตที่แตกต่างด้วยการทรงนำทางของพระองค์ เราไม่จำเป็นต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่ในความมืดหรือในความไม่แน่นอน

พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดิน ในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”6 เราได้รับการเชื้อเชิญว่า “จงละความกระวนกระวายของท่านไว้ กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย”7 ในปัญหาทุกอย่างที่เราต้องเผชิญ รวมถึงเชื้อไวรัสที่น่ากลัว ชนิดนี้ เราไม่จำเป็นต้องเผชิญมันอยู่คนเดียว เราสามารถทูลขอ ต่อพระองค์สำหรับความต้องการ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม และในความรักและพระสติปัญญาของพระองค์ พระองค์ทรงจัดการ ให้มันเข้าที่เข้าทางได้ และทรงตอบสิ่งที่เราทูลขอ ดังเช่นพ่อที่เต็มไปด้วย ความรักต่อลูกจะทำ มันไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ต้องประสบกับ ความยากลำบากใดๆ พ่อที่เต็มไปด้วยความรักไม่ได้ป้องกันเราไว้จาก ความทุกข์ยาก ความล้มเหลวและความผิดหวัง อย่างไรก็ตาม ความจริงคือว่า พระเจ้าทรงสามารถและจะทรงดูแลเรา

ฉันได้เห็นพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน มีบางอย่างที่ฉันได้อธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้าแล้ว พระองค์ยังไม่ได้ทรงตอบคำอธิษฐานของฉัน แต่ฉันรู้ว่าพระองค์ทรงเห็นภาพรวม คือเวลาที่เหมาะสม พระองค์ทรงย้ำความมั่นใจว่า “เรารู้ว่าพระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง...”8

เมื่อฉันต้องการทิศทางในชีวิตสำหรับการตัดสินใจที่สำคัญ พระเจ้าทรงจัดเตรียมทิศทาง...อย่างชัดเจน

เมื่อฉันรู้สึกท้อใจหรือหงุดหงิดสับสนกับสถานการณ์บางอย่างพระองค์ ได้ตรัสกับฉันอย่างอ่อนโยน ทรงแก้ไขมุมมองของฉัน ประทานมุมมองของพระองค์ให้ฉัน เมื่อฉันแสวงหาสิ่งนั้นจากพระคัมภีร์ และการทรงนำทางของพระองค์ ได้วางย่างเท้าของฉันบนพื้น ที่มั่นคงอีกครั้ง และประทานสันติสุขแก่จิตใจของฉัน

ฉันพบว่าความรักของพระเจ้าได้ปลดปล่อยฉันจากความรู้สึกไม่มั่นคง และทรงให้ฉันมีใจเมตตาสงสารคนอื่นมากกว่าที่ฉันจะมีเองโดยธรรมชาติ

การมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าจะเป็นแบบนี้ ซึ่งพระเจ้าจะทรงประทานให้กับทุกคน พระคัมภีร์อธิบายว่าพระเจ้าทรงเป็นที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ และพระองค์ทรงเป็นทั้งหมดนั่นจริงๆ

อิสระจากเคราะห์ร้าย

ในขณะเดียวกัน ขอให้ฉันเน้นย้ำความจริงนี้ที่ว่า การมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าไม่ได้หมายความว่า เราไม่ต้องเผชิญกับปัญหาในชีวิตเลย

มีช่วงเวลาในชีวิต ซึ่งฉันต้องประสบกับเหตุการณ์ที่ฉันไม่สามารถ ทำสิ่งใดได้เลย ฉันตั้งครรภ์ได้สี่เดือน คุณหมอบอกกับฉันว่า ฉันมีปัญหา ฉันรู้จักพระเจ้าเพียงพอ ฉันจึงสามารถไว้วางใจพระเจ้าในเรื่องนี้ได้ ไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม ลูกของเรา เสียชีวิตทันทีที่ คลอดออกมา เพราะว่าฉันสามารถไว้วางใจพระเจ้าในเรื่องนี้ แม้ว่ามันจะเป็น ความเศร้าอย่างใหญ่หลวง แต่ฉันไม่เคยต้องทนทุกข์กับความขมขื่น ความโกรธหรือความวิตกกังวล

อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้นึกตระหนักถึงความรู้สึกทางอารมณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่ลูกของเราเสียชีวิต ฉันต้องทนทุกข์กับความกลัวของความคิดที่ว่า สามีของฉันเองก็สามารถเสียชีวิตไปได้เช่นเดียวกัน ฉันทูลขอให้พระเจ้าตรัสแก่ฉันในเรื่องความกลัวนี้ ที่จะทรงสำแดงให้ฉันรู้ว่า ควรจะมองมันอย่างไรให้เหมาะสม

คำตอบมาถึงเมื่อพระเจ้าทรงนำฉันให้อ่านข้อความจากพระธรรมสดุดี

“เพราะท่านได้กระทำให้พระเจ้า ผู้เป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า คือองค์ผู้สูงสุด เป็นที่อยู่ของของท่าน ไม่มีการร้ายใดๆจะตกมาบนท่าน...”9

ฉันรู้ว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงสัญญาว่า ไม่มีใครที่จะไม่ตาย นี่ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญา อย่างไรก็ตาม เมื่อพระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของฉัน เป็นผู้นั้นที่ฉันไว้วางใจ ถึงแม้ว่าสามีของฉันอาจจะเสียชีวิต พระเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้ “การร้าย”ใดๆตกลงบนฉัน พระเจ้าจะไม่ทรงยอมให้สิ่งนั้นมีชัยชนะเหนือฉัน ทำลาย หรือทำร้ายฉัน ฉันจะโอเค

“ไม่มีการร้ายใด ๆ จะตกมาบนท่าน” พระเจ้าทรงกำหนดข้อจำกัด ถ้าเราไว้วางใจในพระองค์ เราจะผ่านสถานการณ์นั้นๆไปได้อย่างแตกต่าง...เราจะผ่านมันด้วยสันติสุข

ไม่มีปัญหาใดใหญ่เกินไปรวมถึงโคโรน่าไวรัส

พระเยซูตรัสว่า “...ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่า เราได้ชนะโลกแล้ว”10

เราจึงได้รับการบอกกล่าวว่า “...องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์”11

นี่เป็นแค่ความคิดแบบหวังไปอย่างนั้น ใช่หรือไม่? ไม่ใช่เลย ให้ดูความจริงว่าพระเจ้าทรงสามารถทำทุกสิ่งและมีฤทธิ์อำนาจที่จะทำด้วย

โลกที่เราอยู่เดี๋ยวนี้หมุนรอบตัวในอัตราความเร็ว 1,000 ไมล์ต่อชั่วโมง (1,600 กม.ต่อชั่วโมง) แต่เราก็รู้สึกสงบ ดื่มด่ำกับความงามของแสง ยามดวงอาทิตย์ขึ้น และดวงอาทิตย์ตก ในขณะที่โลกกำลังหมุนอยู่ โลกของเรายังเคลื่อนที่รอบๆดวงอาทิตย์ด้วย ความเร็ว 67,000 ไมล์/ชั่วโมง แม้ความเร็วจะมากขนาดนั้น มันก็ยังคงรักษา ระยะห่างที่สมบูรณ์แบบจากดวงอาทิตย์ ไม่ห่างเกินไป ไม่ใกล้จนเกินไป

ในทำนองเดียวกัน พระเจ้าที่ทรงรับรู้ว่าดวงดาวเป็นพันๆล้านดวงในกาแลกซี่เป็นอย่างไร พระเจ้าเองก็ทรงรับรู้รายละเอียดทุกสิ่งในชีวิตของคุณทั้งเล็กและใหญ่เช่นกัน และพระองค์ทรงรักคุณ

บางคนที่ทรงแคร์คุณ

พระองค์ทรงรักคุณ ไม่ใช่เพราะคุณหรือฉันที่สมควรได้รับความรักนั้น แต่เพราะว่าการที่จะรักนั้นคือธรรมชาติของพระองค์ และที่จะดูแลคนเหล่านั้นที่ไว้วางใจในพระองค์

พระเจ้าตรัสว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาดเพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำลังเจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า เออ เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา”12

“ท่านไม่เคยรู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์ คือพระผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย ความเข้าพระทัยของพระองค์ก็เหลือที่จะหยั่งรู้ได้ พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และแก่ผู้ที่ไม่มีกำลัง พระองค์ทรงเพิ่มแรง

แม้คนหนุ่มๆจะอ่อนแรงหรือเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้าจะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย”13

พระเยซูตรัสว่า “เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก อย่ากลัวเลย”14 พระองค์ทรงยิ่งใหญ่มากกว่าปัญหาใดๆที่เราต้องเผชิญ

การมีอิสระจากความวิตกกังวลเรื่องโคโรน่าไวรัส (โควิด19) หรือในเรื่องร้ายแรงอื่นๆ คือการรู้ว่าพระเจ้านั้นทรงสามารถ พระองค์ทรงห่วงใยและจะทรงกระทำเพื่อเรา การจะรู้จักพระเจ้าในลักษณะนี้ได้ คุณจำเป็นต้องเริ่มมีความสัมพันธ์กับพระองค์เสียก่อนเป็นอย่างแรก

ถ้าหากคุณต้องการ เริ่มความสัมพันธ์กับพระเจ้าและรู้จักกับความรักของพระองค์เพื่อคุณ บทความนี้จะอธิบายว่าจะทำได้อย่างไร รู้จักกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว

 วิธีที่จะเริ่มต้นมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า
 ผม มีคำถาม หรือ ความคิดเห็น

(1) สดุดี 46:1 (2) มัทธิว11:28 (3) เยเรมีย์ 32:17 (4) ลูกา 12:7 (5) สดุดี 139:1-4 (6) ยอห์น 8:12 (7) 1 เปโตร 5:7 (8) โรม 8:28 (9) สดุดี 91:9-10 (10) ยอห์น16:33 (11) ฟิลิปปี 4:5-7 (12) อิสยาห์ 41:10 (13) อิสยาห์ 40:28-31 (14) ยอห์น 14:27


แชร์ต่อกับคนอื่น:
WhatsApp Share Facebook Share Twitter Share Share by Email More