×
ค้นหา
EveryThaiStudent.com
ค้นหาเรื่องพระเจ้าและคำถามในชีวิต
รู้จักพระเจ้า

พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเราหรือไม่?

ต้องทำอย่างไรเพื่อที่พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของเรา?

WhatsApp Share Facebook Share Twitter Share Share by Email More PDF

อธิษฐานอย่างไร: คำอธิษฐานที่ได้รับคำตอบ

คุณเคยรู้จักกับใครสักคนที่ไว้วางใจพระเจ้าอย่างจริงจังไหม? เมื่อฉันเป็นพวกที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า ฉันมีเพื่อน สนิทคนหนึ่ง ที่อธิษฐานอยู่บ่อยๆ เธอจะบอกกับฉันทุกสัปดาห์เกี่ยวกับบางสิ่ง บางอย่างซึ่งเธอไว้วางใจว่าพระเจ้าจะทรงดูแลเกี่ยวกับสิ่งนั้น และทุกสัปดาห์ฉันจะเห็นพระเจ้าทรงทำอะไรบางอย่างที่ไม่ ธรรมดาเพื่อที่จะตอบคำอธิษฐานของเธอ คุณทราบไหมว่า การได้เห็นและรับรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า มันรู้สึกรับได้ยากแค่ไหน สำหรับคนที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าอย่างฉัน หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง คำว่า “แค่ความบังเอิญ”ที่ฉันมักจะใช้จึง ดูเป็นข้อโต้แย้งที่ฟังไม่ค่อยขึ้นสักเท่าไหร่

แล้วทำไมพระเจ้าจึงทรงตอบคำอธิษฐานของเพื่อนฉัน? เหตุผลใหญ่ก็คือว่า เธอมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า และเธอก็ฟังสิ่งที่พระองค์ตรัสจริงๆ ในความคิดของเธอก็คือ พระเจ้านั้นทรงมีสิทธิในการนำพาชีวิตของเธอ และเธอก็ยินดีให้พระองค์ทรงกระทำเช่นนั้นด้วย เมื่อเธออธิษฐานเผื่อสิ่งต่างๆ มันเป็นเรื่องปกติของความสัมพันธ์ที่เธอมีกับพระเจ้า เธอรู้สึกสะดวกใจที่จะเข้ามาหาพระเจ้าและบอกพระองค์เกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นต่างๆของเธอ ความห่วงกังวลบางอย่าง และอะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตของเธอ ยิ่งกว่านั้นอีก เมื่อเธออ่านจากพระคัมภีร์ เธอก็เชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงต้องการให้เธอพึ่งพาในพระองค์ด้วยการอธิษฐานเช่นนั้น

เธอทำให้สิ่งที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ตอนนี้เกิดขึ้นจริงในชีวิตของเธอ ซึ่งก็คือ “และนี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา”1 “เพราะว่าพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์ทรงสดับคำอ้อนวอนของเขา...”2

แล้วทำไมพระเจ้าไม่ทรงตอบคำอธิษฐานของทุกคนเล่า?

มันอาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์กับพระเจ้า พวกเขาอาจจะรู้ว่าพระเจ้านั้นทรงดำรงอยู่ และอาจจะนมัสการพระเจ้าบ้างเป็นบางครั้ง แต่สำหรับบางคนที่ไม่เคยได้รับการตอบคำอธิษฐานคงจะเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพระเจ้า และยิ่งไปกว่านั้นก็คือพวกเขาไม่เคยได้รับการอภัยโทษบาปของพวกเขาอย่างสมบูรณ์จากพระเจ้า คุณอาจจะถามว่า แล้วเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องอะไรด้วยเล่า? นี่คือคำอธิบาย “ดูเถิด พระหัตถ์ของพระเจ้า ไม่ได้สั้นลง ที่จะช่วยให้รอดไม่ได้ หรือพระกรรณตึงซึ่งจะทรงไม่ได้ยิน แต่ว่าความบาปชั่วของเจ้าทั้งหลาย ได้กระทำให้เกิดการแยก ระหว่างเจ้ากับพระเจ้าของเจ้า และบาปของเจ้าทั้งหลายได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้า พระองค์จึงมิได้ยิน”3

เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกถึงการถูกตัดขาดจากพระเจ้า เมื่อผู้คนเริ่มทูลขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากพระเจ้า เขาจะทูลว่าอย่างไรนะ? พวกเขาเริ่มต้นด้วย “พระเจ้า ข้าพเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์ในปัญหานี้จริงๆ ...” หลังจากนั้นเขาจะหยุด และติดตามด้วยการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง... “ข้าพเจ้ารู้ว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่คนที่สมบูรณ์นัก และจริงๆแล้วข้าพเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทูลขอสิ่งนี้ต่อพระองค์...” มันเป็นความรู้สึกลึกๆถึงความบาปและความล้มเหลวของแต่ละบุคคล และความรู้สึกว่า “ฉันกำลังล้อเล่นอยู่กับใครกันนี่? สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือการที่เขาจะสามารถรับการอภัยโทษบาปทั้งหลายของพวกเขาได้อย่างไร เขาอาจจะไม่รู้ว่า เขาสามารถเข้ามาสู่การมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้และเมื่อนั้นพระเจ้าจะทรงได้ยินเมื่อเขาอธิษฐาน นี่คือรากฐานของการที่พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของคุณ

อธิษฐานอย่างไร: รากฐานที่แท้จริง

คุณจำเป็นต้องเริ่มต้นมีความสัมพันธ์กับพระองค์ก่อน ลองจินตนาการดูว่า ถ้ามีผู้ชายคนหนึ่งชื่อไมค์ ตัดสินใจ ที่จะขอให้อธิการบดีของมหาวิทยาลัยพริ้นสตัน (คนที่ไมค์ยังไม่เคยรู้จักเลยสักนิด) มาช่วยเซ็นต์ชื่อร่วมในการกู้เงินเพื่อซื้อรถของเขา โอกาสที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นก็คือ ไม่มีเลย (เราสรุปเอาเองว่าอธิการบดีของมหาวิทยาลัยพริ้นสตันคงไม่ใช่คนโง่) อย่างไรก็ตามถ้าหากเป็นตัวลูกสาวของอธิการบดีเอง มาขอให้เขาช่วยเซ็นต์ชื่อร่วมในการกู้ยืมเงินซื้อรถสำหรับเธอมันคงจะไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ความสัมพันธ์มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดทีเดียว

สำหรับพระเจ้าแล้ว ถ้าหากคนๆนั้นเป็นลูกของพระเจ้า เมื่อเขาเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงรู้จักเขาและทรงได้ยินคำอธิษฐานของเขา พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา และเรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นตามเรา เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้น แกะนั้นจะไม่พินาศเลย และไม่มีผู้ใดจะแย่งชิงแกะเหล่านั้น ไปจากมือเราได้”4

เมื่อพูดกันถึงเรื่องพระเจ้าแล้ว คุณ...รู้จักพระองค์จริงๆหรือไม่? และพระองค์ทรงรู้จักคุณหรือเปล่า? คุณมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าซึ่งเป็นสิ่งที่รับประกันว่าพระองค์จะทรงตอบคำอธิษฐานของคุณหรือไม่? หรือว่าพระเจ้านั้นทรงอยู่ห่างไกล หรือทรงเป็นแค่แนวความคิดในชีวิตของคุณเท่านั้น? ถ้าพระองค์ทรงอยู่ห่างไกล หรือคุณไม่แน่ใจว่าคุณรู้จักกับพระเจ้า นี่คือวิธีการที่คุณจะเริ่มต้นการมีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้เดี๋ยวนี้เลย: การสร้างสายสัมพันธ์

พระเจ้าจะทรงตอบคำอธิษฐานของคุณแน่นอนไหม?

สำหรับผู้ที่รู้จักพระเจ้าและพึ่งพิงในพระองค์ ดูเหมือนว่าพระเยซูจะทรงมีข้อเสนอให้ด้วยใจกว้างขวาง ดังนี้ว่า “ถ้าท่านทั้งหลาย เข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น”5 การที่จะ “เข้าสนิท”อยู่ในพระองค์ และให้ถ้อยคำของพระองค์ฝังอยู่ในเขา หมายถึง เขาดำเนินชีวิตโดยมีมโนสำนึกว่า มีพระองค์อยู่ มีการพึ่งพิงในพระองค์และฟังสิ่งที่พระองค์ตรัส เมื่อนั้นเขาก็จะสามารถทูลขอสิ่งใดๆที่เป็นความปรารถนาของเขาได้ และคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งที่จะได้รับการตอบคำอธิษฐาน “และ นี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา และถ้าเรารู้ว่าพระองค์ทรงโปรดฟังเรา เมื่อทูลขอสิ่งใดๆ เราก็รู้ว่า เราได้รับสิ่งที่เราทูลขอนั้นจากพระองค์”6 พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเราตามน้ำพระทัยของพระองค์ (และตามพระปัญญาของพระองค์ ความรักที่ทรงมีต่อเรา ความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ของพระองค์ เป็นต้น)

จุดที่เราทำพลาดคือเมื่อเราสรุปเอาเองว่า เรา รู้น้ำพระทัยของพระเจ้า เพราะว่าบางสิ่งบางอย่างดูสมเหตุสมผลสำหรับเรา เราสรุปเอาว่านี่คือ “คำตอบ” ที่ถูกต้องเพียงสิ่งเดียวของการอธิษฐานอย่างเฉพาะเจาะจง สรุปเอาเองว่า สิ่งนี้ แน่นอนที่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ตรงนี้เองที่ความยุ่งยากต่างๆเริ่มก่อตัวขึ้น เราดำเนินชีวิตอยู่ ในความจำกัดเรื่องเวลา และเรื่องความรู้ เรามีเพียงแค่ข้อมูลที่จำกัด เกี่ยวกับสถานการณ์และเกี่ยวกับผลที่เกิดจากการกระทำต่อสถานการณ์นั้นๆในอนาคต ความเข้าพระทัยของพระเจ้านั้นไม่มีข้อจำกัด พระองค์ทรงทราบอย่างชัดแจ้งว่าเหตุการณ์นี้จะส่งผลอย่างไรในช่วงชีวิตนี้หรือในประวัติศาสตร์ พระองค์อาจจะทรงมีเป้าหมายที่สูงเกินกว่าที่เราจะสามารถจินตนาการไปถึงมันได้ ดังนั้นพระเจ้าจะไม่ทรงทำอะไรเพียงแค่สิ่งเรา มุ่งมาดที่จะให้มันเป็น แต่จะทรงทำตามพระทัยของพระองค์

แล้วเราจะต้องทำอะไรบ้าง? พระเจ้าทรงประสงค์จะทำสิ่งใด?

เราสามารถเขียนสิ่งที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะทำในชีวิตของเราได้มากมายหลายหน้าเลยทีเดียว ตลอด ทั้งเล่มของพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้พรรณนาถึงรูปแบบของความสัมพันธ์ที่ทรงอยากให้เรามีประสบการณ์กับพระองค์ และลักษณะชีวิตที่ทรงต้องการที่จะประทานให้กับเรา ลองดูตัวอย่างจากข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้

“เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงรอคอยที่จะทรงพระกรุณาเจ้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้นพระองค์จึงทรงลุกขึ้นเพื่อเมตตาเจ้า เพราะพระเจ้า เป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม ผู้ที่คอยท่าพระองค์จะได้รับพระพร”7 “สำหรับพระเจ้าพระองค์นี้ พระมรรคาของพระองค์ก็บริบูรณ์ พระสัญญาของพระเจ้าพิสูจน์แล้วเป็นความจริง พระองค์ทรงเป็นโล่ของบรรดาผู้ที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์”8 “แต่พระเจ้าทรงปรีดีในคนที่ยำเกรงพระองค์และคนที่ความหวังของเขาอยู่ในความรักมั่นคงของพระองค์”9

อย่างไรก็ตาม การทรงสำแดงถึงความรักและความซื่อตรงที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อคุณก็คือสิ่งนี้ พระเยซูตรัสว่า “ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน”10 นี่คือสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำเพื่อเรา และดังนั้น “... ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา? พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่ได้ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลายด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ?”11

แล้วคำอธิษฐานที่ “ไม่ได้รับคำตอบ”ล่ะ?

แน่นอนว่าคนเรายังคงมีความป่วยไข้และบางคนก็เสียชีวิตไป หรือปัญหาทางการเงินก็เกิดขึ้นจริง และ สถานการณ์ที่ยุ่งยากหลายอย่างสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป

พระเจ้าทรงบอกให้เรามอบความห่วงกังวลของเราไว้กับพระองค์ แม้ว่าสถานการณ์นั้นยังคงน่ากลุ้มใจอยู่ก็ตาม “จงละความกระวนกระวายของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย”12 สถานการณ์อาจจะดูเหมือนว่ามันควบคุมไม่ได้ แต่จริงๆแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อโลกทั้งโลกดูเหมือนจะถล่มทลายลงมา แต่พระเจ้านั้นทรงสามารถที่จะรักษาเราไว้ได้ ณ เวลานี้เองที่คนๆหนึ่งจะสามารถรู้สึกสำนึกในพระคุณ ว่าเขารู้จักกับพระเจ้า “...องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์”13 พระเจ้าอาจจะทรงจัดเตรียมทางออก หรือ ทางแก้ปัญหาของคุณในแบบที่เหนือกว่าที่คุณจะจินตนาการว่าจะเป็นไปได้ บางทีคริสเตียนทุกคนคงจะสามารถ เขียนตัวอย่างลักษณะนี้ออกมาในชีวิตของเขาเองได้ด้วย แต่หากว่าสถานการณ์นั้นยังไม่ได้คลี่คลายไปในทางที่ดี พระเจ้ายังทรงสามารถประทานสันติสุขของพระองค์แก่เราในท่ามกลางสถานการณ์นั้นๆได้ พระเยซูตรัสว่า “เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย”14

ณ จุดนี้เอง (ขณะเมื่อสถานการณ์ต่างๆยังคงยุ่งยากอยู่) ที่พระเจ้าได้ทรงขอให้เรายังคงไว้วางใจในพระองค์ต่อไป นั่นคือ “การดำเนินด้วยความเชื่อศรัทธาไม่ใช่แบบที่ตามองเห็น” พระคัมภีร์ได้กล่าวเอาไว้เช่นนั้น แต่นี่ก็ไม่ใช่ความเชื่อแบบไร้เหตุผล ความเชื่อนี้ขึ้นอยู่กับพระลักษณะของพระเจ้าเลยทีเดียว รถยนต์ที่วิ่งอยู่บนสะพานโกลเด้นท์ เกท วิ่งอยู่บนนั้นได้โดยความแข็งแรงของตัวสะพานเอง การที่คนขับจะรู้สึกหรือคิดอย่างไร หรือได้พูด คุยอะไรกันบ้างกับผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยนั้น ไม่ใช่สิ่งที่สลักสำคัญอะไร สิ่งที่ทำให้รถคันนั้นไปถึงอีกฝั่งอย่างปลอดภัยก็คือ ความแข็งแรงของตัวสะพานซึ่งคนขับรถคันนั้นเต็มใจที่จะวางใจมันต่างหากที่สำคัญ

ในทำนองเดียวกัน พระเจ้าทรงต้องการให้เราที่จะไว้วางใจในความจริงแห่งพระองค์ พระลักษณะของพระองค์...ความเมตตาเอ็นดู ความรัก พระปัญญา ความชอบธรรมของพระองค์เพื่อเรา พระองค์ตรัสว่า “...เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป”15 “ประชาชนเอ๋ย จงวางใจในพระองค์ตลอดเวลา จงระบายความในใจของท่านต่อพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของเรา”16

สรุป...เราจะอธิษฐานอย่างไร

พระเจ้าทรงเสนอที่จะตอบคำอธิษฐานของลูกของพระองค์ (คนทั้งหลายที่ได้ยอมรับพระองค์เข้าในชีวิตของเขาและแสวงหาโอกาสที่จะติดตามพระองค์) พระองค์ทรงขอให้เรานำความห่วงกังวลทั้งหลายมาไว้ที่พระองค์ โดยการอธิษฐาน และพระองค์จะทรงกระทำการของพระองค์ตามน้ำพระทัย เมื่อเราต้องเผชิญกับความยากลำบาก เราควรที่จะวางความห่วงใยทั้งหลายเอาไว้ที่พระองค์ และรับเอาสันติสุขจากพระองค์ซึ่งอยู่เหนือสถานการณ์เหล่านั้น พื้นฐานของความหวังและความเชื่อศรัทธาของเราอยู่ที่พระลักษณะของพระเจ้าเอง ยิ่งเรารู้จักพระองค์ ดีขึ้นมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งไว้วางใจพระองค์ได้ง่ายขึ้นมากเท่านั้นด้วย

หากต้องการทราบมากขึ้นเกี่ยวกับพระลักษณะของพระเจ้า ให้คลิกไปที่หัวข้อ “พระเจ้าคือใคร?” หรือบทความอื่นๆในเว็บไซต์นี้ เหตุผลที่ทำให้เราอธิษฐานก็เพราะพระลักษณะของพระเจ้านั่นเอง คำอธิษฐานแรกที่พระเจ้าทรงตอบก็คือ คำอธิษฐานของคุณในการเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระองค์

(บทความนี้เขียนโดย มาริลิน แอดัมสัน)

 วิธีที่จะเริ่มต้นมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า
 ผม มีคำถาม หรือ ความคิดเห็น

(1) 1 ยอห์น5:14 (2) 1 เปโตร 3:12 (3) อิสยาห์59:1,2 (4) ยอห์น10:14,27-28 (5) ยอห์น15:7 (6) 1 ยอห์น5:14-15 (7) อิสยาห์30:18 (8) สดุดี18:30 (9) สดุดี147:11 (10) ยอห์น15:13 (11) โรม8:31-32 (12) 1 เปโตร5:7 (13) ฟิลิปปี4:4-7 (14) ยอห์น14:27 (15) เยเรมีห์31:3 (16) สดุดี62:8


แชร์ต่อกับคนอื่น:
WhatsApp Share Facebook Share Twitter Share Share by Email More