×
ค้นหา
EveryThaiStudent.com
ค้นหาเรื่องพระเจ้าและคำถามในชีวิต
ถาม&ตอบ

พระเยซูเคยตรัสว่าทรงเป็นพระเจ้าหรือไม่?

พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าหรือไม่? ลองมาสืบค้นคำกล่าวอ้างที่น่าสนใจเหล่านี้

WhatsApp Share Facebook Share Twitter Share Share by Email More PDF

พวกผู้ติดตามพระเยซูกลุ่มแรกสุด ดูเหมือนจะเชื่ออย่างมั่นคงว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าที่อยู่ในรูปกายของมนุษย์ เปาโลกล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นพระฉายของพระเจ้าผู้ไม่ปรากฎแก่ตา... พระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นธำรงในพระองค์” ยอห์นได้กล่าวว่า พระเยซูทรงสร้างโลกนี้ เปโตรกล่าวว่า “ทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะได้รับการอภัยโทษบาปโดยพระนามของพระองค์”

แต่ พระเยซูตรัสเกี่ยวกับพระองค์เองว่าอย่างไร? พระองค์ทรงเคยกล่าวถึงพระองค์เองว่าเป็นพระเจ้าหรือไม่? ตามพระคัมภีร์แล้ว พระองค์ทรงเคยกล่าวถึงพระองค์เองเช่นนั้นแน่นอน ข้างล่างนี้คือ คำกล่าวของพระองค์ ที่ตรัสไว้ขณะเมื่อยังทรงดำเนินพระชนม์อยู่บนโลกนี้ ตามสภาพการณ์แวดล้อมในขณะนั้น

พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าหรือไม่? พระองค์ตรัสเป็นนัยๆ ว่าทรงเป็นพระเจ้า

พวกยิวก็ทูลพระองค์ว่า “ท่านอายุยังไม่ถึงห้าสิบปี และท่านเคยเห็นอับราฮัมหรือ” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เราดำรงอยู่ก่อนอับราฮัมเกิด” คนเหล่านั้นจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาจะขว้างพระองค์ แต่พระเยซูทรงหลบและเสด็จออกไปจากบริเวณพระวิหาร (ยอห์น8:57-59)

“เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” พวกยิวจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาอีกจะขว้างพระองค์ให้ตาย พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เราได้สำแดงให้ท่านเห็นการดีหลายประการ ของพระบิดาของเรา ท่านทั้งหลายหยิบก้อนหินจะขว้างเราให้ตาย เพราะการกระทำข้อใดเล่า” พวกยิวทูลตอบพระองค์ว่า “เราจะขว้างท่านมิใช่เพราะการกระทำดี แต่เพราะการพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เพราะท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ตั้งตัวเป็นพระเจ้า” (ยอห์น10:30-33)

และพระเยซูทรงประกาศว่า “บรรดาผู้ที่วางใจในเรานั้น หาได้วางใจในเราเองไม่ แต่วางใจในพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา และผู้ที่เห็นเราก็เห็นพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา เราเข้ามาในโลกเป็นความสว่าง เพื่อทุกคนที่วางใจในเราจะมิได้อยู่ในความมืด” (ยอห์น12:44-46)

เมื่อพระองค์ทรงล้างเท้าเขาทั้งหลายแล้ว พระองค์ก็ทรงฉลองพระองค์ และประทับลงตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายเข้าใจ ในสิ่งที่เราได้กระทำแก่ท่านหรือ ท่านทั้งหลายได้เรียกเราว่าพระอาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านเรียกถูกแล้ว เพราะเราเป็นเช่นนั้น ฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระอาจารย์ของท่านได้ล้างเท้าพวกท่าน พวกท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วย” (ยอห์น13:12-14)

พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้ นอกจากจะมาทางเรา ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเราแล้ว ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย ตั้งแต่นี้ไป ท่านก็จะได้รู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์” ฟิลิปทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอทรงสำแดงพระบิดาให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้เห็นก็พอใจข้าพระองค์แล้ว” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ฟิลิปเอ๋ย เราได้อยู่กับท่านนานถึงเพียงนี้ และท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ ผู้ที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา ท่านจะพูดได้อย่างไรอีกว่า ‘ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเห็น’ (ยอห์น14:6-9)

พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าหรือไม่? พระองค์ตรัสอย่างไรเกียวกับพระองค์เอง

พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มิใช่โมเสสที่ให้อาหารจากสวรรค์นั้นแก่ท่าน แต่พระบิดาของราประทานอาหารแท้ซึ่งมาจากสวรรค์ ให้แก่ท่านทั้งหลาย เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้น คือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่โลก” เขาทั้งหลายจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้า โปรดให้อาหารนั้นแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายเสมอไปเถิด” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย” (ยอห์น6:32-35)

อีกครั้ง พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” พวกฟาริสีจึงกล่าวแก่พระองค์ว่า “ท่านเป็นพยานให้แก่ตัวเอง คำพยานของท่านไม่เป็นความจริง” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “แม้เราเป็นพยานให้แก่ตัวเราเอง คำพยานของเราก็เป็นความจริง เพราะเรารู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน แต่พวกท่านไม่รู้ว่า เรามาจากไหน และจะไปที่ไหน” (ยอห์น8:12-14)

พระเยซูจึงตรัสกับเขาอีกว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เราเป็นประตูของแกะทั้งหลาย บรรดาผู้ที่มาก่อนเรานั้น เป็นขโมยและโจร แต่ฝูงแกะก็มิได้ฟังเขา เราเป็นประตู ถ้าผู้ใดเข้าไปทางเรา ผู้นั้นก็จะรอด เขาจะเข้าออกแล้วก็จะพบอาหาร ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์ เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้น ย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ” (ยอห์น10:7-11)

มารธาทูลพระเยซูว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าพระองค์อยู่ที่นี่ น้องชายของข้าพระองค์ก็คงไม่ตาย ถึงแม้เดี๋ยวนี้ ข้าพระองค์ก็ทราบว่า สิ่งใดๆที่พระองค์ทูลขอจากพระเจ้า พระเจ้าจะทรงประทานแก่พระองค์” พระเยซูตรัสกับนางว่า “น้องชายของเจ้าจะฟื้นขึ้นมาอีก” มารธาทูลพระองค์ว่า “ข้าพระองค์ทราบแล้วว่า เขาจะฟื้นขึ้นมาอีกในวันสุดท้าย เมื่อคนทั้งปวงจะฟื้นขึ้นมา” พระเยซูตรัสกับเธอว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเรา จะไม่ตายเลย เจ้าเชื่ออย่างนี้ไหม” มารธาทูลพระองค์ว่า “เชื่อ พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าที่เสด็จมาในโลก” (ยอห์น11:21-27)

พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าหรือไม่? พระองค์ตรัสอย่างไรเกี่ยวกับสิ่งที่ทรงถูกส่งมาให้กระทำ

พระเยซูทรงเรียกเขาทั้งหลายมา ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่าผู้ครองของคนต่างชาติ ย่อมเป็นเจ้าเหนือเขา และผู้ใหญ่ทั้งหลายก็ใช้อำนาจบังคับ แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่ ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นเอกเป็นต้น ผู้นั้นจะต้องเป็นทาสสมัครของพวกท่าน อย่างที่บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก” (มัทธิว20:25-28)

ด้วยว่าตอนนี้พระองค์ตรัสสอนสาวกของพระองค์และทรงบอกพวกเขาว่า “บุตรมนุษย์จะต้องถูกอายัดไว้ในมือของคน และเขาจะประหารชีวิตท่านเสีย เมื่อฆ่าแล้ว ในวันที่สามท่านจะเป็นขึ้นมาใหม่” แต่ถ้อยคำนี้ เหล่าสาวกหาเข้าใจไม่ ครั้นจะทูลถามพระองค์ก็เกรงใจ (มาระโก9:31-32)

“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น ผู้ที่วางใจในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ แต่ส่วนผู้ที่มิได้วางใจ ก็ถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้วางใจในพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า” (ยอห์น3:16-18)

สารพัดที่พระบิดาทรงประทานแก่เรา จะมาสู่เรา และผู้ที่มาหาเรา เราก็จะไม่ทิ้งเขาเลย เพราะว่า เราได้ลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อกระทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่ เพื่อกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา และพระประสงค์ของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามานั้น ก็คือให้เรารักษาบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงมอบไว้กับเรา มิให้หายไปสักคนเดียว แต่ให้ฟื้นขึ้นมาในวันที่สุด เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ที่จะให้ทุกคนที่เห็นพระบุตร และวางใจในพระบุตรได้มีชีวิตนิรันดร์และเราจะให้ผู้นั้นฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้าย” (ยอห์น6:37-40)

คุณยังคงสงสัยอยู่ไหมว่า พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าหรือไม่? ถ้าอยากอ่านสิ่งที่พระองค์ตรัสมากขึ้น และเข้าใจเหตุผลว่าทำไมพระองค์จึงเสด็จมา ให้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งในพระคัมภีร์ที่ชื่อ”ยอห์น”

 วิธีที่จะเริ่มต้นมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า
 ผม มีคำถาม หรือ ความคิดเห็น

แชร์ต่อกับคนอื่น:
WhatsApp Share Facebook Share Twitter Share Share by Email More